โช้คอัพเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของรถยนต์ซึ่งจะช่วยซัพแรงกระแทกของรถยนต์
จากการขับขี่ในท้องถนนทั้งทางเรียบและทางขรุขระ
โช้คอัพจะแบ่งออกได้2 ชนิด
1. โช้คอัพชนิดน้ำมัน
โช้คอัพน้ำมัน โดยปกติแล้วภายในกระบอกโช้คอัพน้ำมันจะมีน้ำมันผสมอยู่ข้างในประมาณ 80%
นอกจากนั้นจะเป็นอากาศ เมื่อโช้คน้ำมันทำงาน ตัวน้ำมันจะสร้างความหนืดเพื่อให้รถมีการขับขี่และทรงตัวที่ดี
แต่เมื่อโช้คอัพทำงานอย่างรวดเร็วต่อเนื่องและมีความยาวนาน
จะเกิดฟองอากาศในกระบอกน้ำมันนั้นคือสาเหตุที่ทำให้ความหนืดของโช้คน้ำมันลดลงตามประสิทธิภาพลงไปด้วย
ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการขับขี่ในท้องถนน รถเกิดอาการโคลง หรือย้วย ไม่สมดุลย์
ส่วนใหญ่โช้คชนิดน้ำมันล้วนจะมีติดรถมากับรุ่นเก่าๆ แต่ในปัจจุบันรถสมัยใหม่ใช้โช้คชนิดแก๊สเกือบทั้งหมด
2. โช้คอัพชนิดแก๊สกึ่งน้ำมัน
โช้คอัพชนิดแก๊สกึ่งน้ำมัน เป็นการทำงานผสมผสานกันระหว่างแก๊สไนโตรเจนและน้ำมันไฮดรอลิค ขณะที่โช้คอัพทำงาน
ลูกสูบของโช้คอาจจะทำการเคลื่อนที่ลงมาด้านล่างของกระบอกสูบโช้คอัพ ทำให้น้ำมันไฮดรอลิคที่อยู่ในกระบอกโช้คอัพไหลผ่านวาล์วขึ้นไปยังห้องน้ำมันด้านบน ส่วนน้ำมันอีกจำนวนหนึ่งจะไหลผ่านวาลว์ด้านล่างเข้าไปในห้องน้ำมันสำรอง
และหลังจากนั้นจะทำการอัดแก๊สไนโตรเจนให้เกิดแรงดัน เพื่อทำให้น้ำมันไฮโดรลิคกลับเข้าสู่กระบอกสูบ
-โช้คอัพแก๊สจะแบ่งเป็น 2 ระบบ-
2.1 โช้คอัพแก๊สระบบ twin tube
ถูกออกแบบให้มีห้องน้ำมันและห้องแก๊ส 2ชั้นซ้อนกัน ซึ่งห้องด้านในจะเป็นตัวลูกสูบที่มีน้ำมันบรรจุอยู่
ภายใน ส่วนห้องด้านนอกจะบรรจุด้วยแก๊ส และเมื่อโช้คอัพมีการยุบตัวลงตัวลูกสูบจะดันน้ำมันลงมาผ่านทาง
เบสวาล์วเพื่อน้ำมันจะไหลไปสู่ตัวห้องแก๊สด้านนอก เมื่อโช้คอัพมีการยีดตัวขึ้น น้ำมันในห้องด้านในลูกสูบและ
เบสวาล์วจะหน่วงลูกสูบไม่ให้เคลื่อนขึ้นเร็วเกินไป
2.2 โช้คอัพแก๊สระบบ monotube
จะมีลูกสูบที่ขนาดใหญ่กว่าระบบtwin tube จะทำให้จุน้ำมันได้มากกว่า ส่วนห้องน้ำมันกับแก๊สจะกัน
ซึ่งจะถูกกั้นโดยตัวลูกสูบ โดยห้องลูกสูบที่บรรจุน้ำมันจะอยู่ด้านบน ส่วนห้องที่เป็นแก๊สนั้นจะอยู่ด้านล่าง
ซึ่งจะทำให้ไม่มีการผสมกันระหว่างน้ำมันกับตัวแก๊ส เมื่อโช้คอัพยุบตัวลง ตัวลูกสูบจะดันน้ำมันลงมาแล้วจะเกิดแรงดัน
จากหัวตัวแก๊สที่อยู่ด้านล่าง เมื่อเกิดแรงดันที่มากเกินไปห้องแก๊สด้านล่างจะดันตัวลูกสูบให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม
- โช้คอัพสตรัทปรับเกลียว -
โช้คอัพสตรัทปรับเกลียว คือ โช้คสำหรับลูกค้าที่ชอบโหลดหรือชอบฟิลลิ่งแบบปรับได้
มันสามารถปรับระดับความสูงกับต่ำของตัวรถตามที่ใจลูกค้าชอบ
ลูกค้าสามารถเลือกสปริงที่มีค่า K ต่างๆมาใช้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความยาวของมันมากนัก เพราะลูกค้า
สามารถเลื่อนปรับระดับของโช้คสูงกับต่ำจากเกลียวของโช้คตัวนั้นได้
ข้อเสียของโช้คสตรัทปรับเกลียว
1.ไม่สามารถปรับระดับความแข็งได้บวกกับหากใส่น้ำมันไฮดรอดลิคและเซ็ตความเตี้ยมาด้วยจะทำให้ไม่มีความนุ่มนวล
2.หากลูกค้ารับความแข็งของโช้คไม่ได้ลูกค้าต้องถอดทิ้งหรือขายมือ 2 และมือ2ส่วนใหญ่จะขายต่อได้ราคาไม่สูงนักครับ