เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนจานเบรก??

    อาจเกิดจากที่ผ้าเบรกหมดถึงเหล็กยึดผ้าเบรก เมื่อเราทำการเบรกหรือหยุดชะลอรถทุกครั้ง เหล็กกับเหล็กเกิดการเสียดสีกันจึงเกิดร่องรอยขึ้นได้ 

ส่งผลทำให้พื้นที่ผิวสัมผัสของผ้าเบรกและจานเบรกลดลง ทำให้ประสิทธิภาพของการเบรกลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นแก้ไขได้โดยการเจียรจานเบรก 

แต่กรณีที่เคยเจียรจานเบรกมาก่อนแล้วต้องดูความหนาของจานเบรกด้วยว่าน้อยกว่าที่กำหนดหรือไม่ ถ้าความหนาน้อยกว่าที่กำหนดก็ควรจะต้องเปลี่ยนจานเบรกใหม่

    เมื่อเบรกจะรู้สึกสะท้านเหมือนผ้าเบรกจับบ้าง ไม่จับบ้าง กรณีนี้หากผิวหน้าจานเบรกเป็นไม่มาก สามารถเจียรจานแก้ไขได้ การเจียรจารล้างหน้ามันออก 

เป็นการช่วยให้จานเบรกกับตัวผ้าเบรกได้สัมผัสกันเต็มที่นั้นเอง แต่ถ้ามีอาการมากจะต้องตรวจสอบที่หน้าแปลนดุมล้อของรถยนต์ หรือในกรณีสุดท้ายอาจจะต้องเปลี่ยนจากเบรกใหม่

    สนิมนี้หากเกิดขึ้นบนเนื้อเหล็กแล้วจะไม่สามารถหายเองได้ แต่มันจะไปกัดผ้าเบรกให้เป็นรอยตามเนื้อสนิมนี้ ทำให้เวลาเบรกจะมีอาการลื่นทำให้เบรกไม่มีประสิทธิภาพ

ในกรณีนี้ต้องดูก่อนว่ามีความมากน้อยของสนิมที่เกิดขึ้นอย่างไร ถ้าเป็นไม่มากสามารถเจียรจานแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นสนิมมากก็สมควรที่จะทำการเปลี่ยนจานเบรกใหม่

- จานเบรกคด   

    ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหัน ทำให้เนื้อเหล็กหดตัวไม่เท่ากันในแต่ละด้าน และนี่ก็คือสาเหตุหลักของอาการเบรกแล้วสั่นสู้เท้ามากที่สุด

- จานเบรกร้าว   

    หากอาการร้าวมันร้าวแค่ตรงผิว ๆ หน้านิดหน่อย ก็ยังสามารถที่จะเจียรออกได้ แต่คุณสมบัติของเนื้อจานเบรกมันอาจจะเปลี่ยนไป 

และมีโอกาสร้าวตามมาได้อีก กรณีนี้แนะนำเปลี่ยนใหม่จะดีกว่า

- จานเบรกร้อนจัด ไหม้ หรือมีการเปลี่ยนสีเป็นสีฟ้าหรือน้ำเงิน   

    สาเหตุเกิดจากความร้อนสะสมที่สูงขึ้น สามารถทำให้คุณสมบัติของเนื้อเหล็กของจานเบรกเกิดการแปรสภาพ 

หากจานเบรกเปลี่ยนสีเป็นสีฟ้าไม่เข้มมาก ทิ้งไว้สักพักจานเบรกจะกลับสู่สภาพที่ใช้งานได้ แต่ถ้าหากจานเบรกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม จะต้องทำการเปลี่ยนจานเบรกใหม่ทันที