ผ้าเบรครถยนต์ อะไหล่ชิ้นสำคัญของรถยนต์ ที่คุณไม่ควรมองข้าม

7 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญรถยนต์ ในด้านความเร็วแรงของกำลังเครื่องยนต์เป็นส่วนใหญ่ แต่ในเรื่องของความปลอดภัยแล้ว ระบบเบรครถยนต์นั้นสำคัญเป็นอันดับแรก เลยก็ว่าได้
ทำไมนะหรอ ? ก็เพราะว่าการที่ระบบเบรคของรถคุณ ยังสามรถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่า ความปลอดภัยในท้องถนนที่คุณกำลังเดินทางอยู่ ยังมีความมั่นใจในการที่จะหยุดได้ทันท่วงที
ในทุกขณะที่อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้ เช่น คนเดินตัดหน้ารถ รถจากเลนด้านข้างปาดหน้ารถคุณ หรือแม้แต่ รถคันหน้าดันเบรคกะทันหัน คุณก็ยังสามารถที่จะเบรค ได้ทันท่วงที ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

เกิ่นมาในระดับนึงแล้ว วันนี้ TNBrake จะมานำเสนอในเรื่องของผ้าเบรครถยนต์ ผ้าเบรครถยนต์นั้นคืออะไร หลายๆ คนคงสงสัยกันว่า ทำไม ถึงเรียกว่า ผ้าเบรครถยนต์ มันทำมาจากเส้นใยผ้าอย่างนั้นหรอ ? ใช่แล้วครับ สมัยก่อนนั้น ผ้าเบรคนั้นทำมาจาก เส้นใยจริงๆนั้นแหละ โดยการเอาเส้นใยมาอัดจนแน่น ดูได้จากรูปด้านล่าง

แต่ในส่วนของผ้าเบรครถยนต์ในปัจจุบันนั้นไม่ได้ทำมาจาก เส้นใย แต่อย่างใด
เพียงเราแค่ติดใช้คำว่า ผ้าเบรค ในสมัยก่อน จึงใช้มาถึง ปัจจุบัน
ซึ่ง ทางภาษาอังกฤษ นั้น คำว่าผ้าเบรคก็ คือ Brake Pad ซึ่งแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า "แผ่นเบรค" นั่นเอง

กลับมาในเรื่องความสำคัญของผ้าเบรครถยนต์กันดีกว่า ผ้าเบรครถยนต์ที่เราเลือกใช้นั้น ก็มีความสำคัญมากอย่างยิ่ง เพราะ เนื้อผ้าเบรคแต่ละเกรดที่แตกต่างกัน ก็มีผลต่อประสิทธิภาพในการเบรคเช่นกัน

แล้วรู้มั้ยว่า ปัจจุบัน ผ้าเบรครถยนต์มีกี่ชนิด และ แตกต่างกัน อย่างไรบ้าง
มาที่ชนิด แรกกันเลย

1 ) ผ้าเบรคมีสาร Abestos (ไม่นิยมแล้ว)
Asbestos เป็นผ้าเบรครุ่นแรกๆที่ใช้ ผลิตจากแร่ใยหินที่เกิดจากธรรมชาติ ข้อดีคือ มีความแข็งแรง ทนต่อความร้อนได้สูง และมีราคาถูก แต่ข้อเสียคือฝุ่นที่อยู่ในแร่ใยหินมีความเป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจอย่างมาก ทำให้ช่วงหลังผ้าเบรคแบบ Asbestos ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

2 ) ผ้าเบรคแบบ Metallic
ผ้าเบรคที่ทำมาจากผงเหล็กที่อัดขึ้นรูปด้วยแรงดันสูง ข้อดีคือ มีประสิทธิภาพสูง ทนทานต่อความร้อนหรืออุณหภูมิสูงๆได้ดี เหมาะกับคนที่ชอบเหยียบเบรคแล้วหยุดในทันทีทันใด แต่ข้อเสียคือ ผ้าเบรคแบบนี้มันทำให้จานเบรคสึกไว และมีเขม่าดำและเสียงดังเวลาเบรค สร้างความรำคาญใจ แก่ผู้ใช้รถเป็นอันมาก

3 ) ผ้าเบรคแบบ Semi-metallic
ผ้าเบรคที่ทำมาจากใยเหล็ก ข้อดีคือ คายความร้อนได้เร็ว ถึงแม้จะทนความร้อนได้น้อยกว่าแบบ metallic นอกจากนี้ยังปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจด้วย แต่ข้อเสียคือ มักมีเสียงดังและอาจทำให้เกิดเขม่าดำเวลาเบรคได้

4 ) ผ้าเบรคแบบ Organic
ผ้าเบรคที่ทำมาจาก Aramid fiber เป็นไฟเบอร์ที่ทนความร้อนได้สูง มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับผ้าเบรคแบบ Metallic แต่ไม่ก่อให้เกิดฝุ่น และไม่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ เบรคเงียบไม่มีเสียงดัง นอกจากนี้ผ้าเบรคแบบ Organic ยังไม่ทำให้จานเบรคสึกหรอและไม่มีคราบเขม่ามาคอยกวนใจ นิยมใช้ในรถสปอร์ตหรือรถแข่งที่ต้องใช้ความเร็วสูง และแน่นอนครับมันเป็นผ้าเบรคที่แพงที่สุดในบรรดาผ้าเบรคทุกประเภท

5 ) ผ้าเบรคแบบ Ceramic
ผ้าเบรคที่มีเนื้อผสมสูตรเซรามิค สามารถทนความร้อนได้ช่วงกว้าง มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ ผ้าเบรคแบบ Metallic แต่ไม่ก่อให้เกิดฝุ่น และ ไม่มีส่วนผสมของสารแร่ใยหินที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ เบรคเงียบไม่มีปัญหาเรื่องเสียงดัง รวมไปถึงการที่ไม่ทำให้จานเบรคสึกหรอ และ มีเขม่าฝุ่นดำคอยรบกวนใจ ซึ่งในปัจจุบันมีทำในรถยนต์รุ่นทั่วๆไป ในราคาไม่สูงมาก จึงทำให้ผ้าเบรคชนิดนี้มีความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

ตอนนี้ทุกท่านก็ได้รู้จักชนิดของผ้าเบรครถยนต์ ชนิดต่างๆไปแล้ว
ซึ่ง โดยทั่วๆไป ผ้าเบรครถยนต์ มีอายุกันใช้งาน ประมาณ 40,000 - 60,000 กิโลเมตร
แล้วเมื่อไหร่ละ ที่ เราควรจะต้องเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ กันดี
โดย ทั่วไป แล้ว ผ้าเบรครถยนต์ จะมีความหนา เริ่มต้น ประมาณ 12 มิลลิเมตร
ซึ่ง ระยะที่ควรเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ นั้นก็คือ ความหนาเหลือตั้งแต่ 4 มิลลิเมตรลงไป